Bitget App
เทรดอย่างชาญฉลาดกว่าที่เคย
ซื้อคริปโตตลาดเทรดFuturesCopyBotsEarn

ดัชนีความกลัวและความโลภคริปโต

ในแต่ละวัน เราวิเคราะห์อารมณ์และความเชื่อมั่นจากแหล่งต่างๆ และกลั่นออกมาเป็นตัวเลขเดียวที่เข้าใจได้ง่าย จึงได้ออกมาเป็นดัชนีความกลัวและความโลภสำหรับ Bitcoin และคริปโทเคอร์เรนซีตัวหลักตัวอื่นๆ

ดัชนีความกลัวและความโลภปัจจุบัน:โลภ73

เมื่อความเชื่อมั่นของตลาดอยู่ในภาวะที่มี “ความโลภ” หมายความว่ามีความเคลื่อนไหวในการเทรดและมีสภาพคล่องของตลาดในระดับสูง รวมถึงราคาของเหรียญมีความผันผวน
มูลค่าในอดีต
เมื่อวาน
70 (โลภ)
7 วันที่แล้ว
87 (โลภสุดขีด)
30 วันที่แล้ว
80 (โลภสุดขีด)
เวลาอัปเดต
อัปเดตล่าสุด:
2024-12-24 00:00
จะอัปเดตครั้งถัดไปใน
0 ชม.: 0 นาที: 0 วินาที
แหล่งที่มาของดัชนี
Alternative.me

กราฟดัชนีความกลัวและความโลภคริปโต

ดัชนีความกลัวและความโลภของคริปโตพิจารณาอะไรบ้าง

เรารวบรวมข้อมูลจาก 5 แหล่งต่อไปนี้ แต่ละจุดข้อมูลถ่วงน้ำหนักเท่าๆ กันกับวันก่อนหน้าเพื่อให้เห็นภาพความคืบหน้าที่ชัดเจนในด้านการเปลี่ยนแปลงทางความเชื่อมั่นของตลาดคริปโต
ปัจจัยที่รวมอยู่ในดัชนีปัจจุบันมีดังนี้:
ความผันผวน (25%)
เราวัดความผันผวนและการขาดทุนสะสมสูงสุดของ Bitcoin ในปัจจุบัน โดยเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วง 30 และ 90 วันที่ผ่านมา ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นผิดปกตินั้นจะตีความว่าเป็นสัญญาณของตลาดที่หวาดกลัว
โมเมนตัมตลาด/ปริมาณ (25%)
เราประเมินโมเมนตัมและปริมาณของตลาดในปัจจุบันโดยการเปรียบเทียบค่าเหล่านี้กับค่าเฉลี่ยในช่วง 30 และ 90 วันที่ผ่านมา แล้วนำค่าทั้ง 2 นี้มาประกอบกัน เมื่อเราสังเกตเห็นปริมาณการซื้อที่สูงในตลาดที่มีมุมมองบวกเป็นประจำทุกวัน ก็สรุปได้ว่าตลาดกำลังมีพฤติกรรมที่โลภมากหรือ Bullish มากเกินไป
โซเชียลมีเดีย (15%)
แม้เราจะยังไม่ได้รวมการวิเคราะห์ความเชื่อมั่น Reddit เข้ามาในดัชนีแบบเรียลไทม์ (เนื่องจากยังคงทดลองใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับตลาดในอัลกอริทึมการประมวลผลข้อความอยู่) แต่การวิเคราะห์ X ของเราก็ทำงานได้เต็มรูปแบบแล้ว เรารวบรวมและนับโพสต์ที่ใช้แฮชแท็กต่างๆ สำหรับแต่ละเหรียญ (ปัจจุบันเราแสดงข้อมูลเป็นสาธารณะเฉพาะ Bitcoin เท่านั้น) และวิเคราะห์ความเร็วและปริมาณของการโต้ตอบภายในกรอบเวลาที่เฉพาะเจาะจง อัตราปฏิสัมพันธ์ที่สูงผิดปกติบ่งชี้ถึงความสนใจของสาธารณชนที่เพิ่มมากขึ้นในตัวเหรียญ ซึ่งเราตีความว่าเป็นสัญญาณของพฤติกรรมที่โลภมากของตลาด
แบบสำรวจ (15%)
เราดำเนินการร่วมกันกับ strawpoll.com (ข้อสงวนสิทธิ์: เราเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มนี้) ซึ่งเป็นเว็บไซต์สำรวจความคิดเห็นสาธารณะขนาดใหญ่ โดยทำโพลคริปโตรายสัปดาห์เพื่อวัดความเชื่อมั่นของตลาด โดยทั่วไปแล้วการสำรวจความคิดเห็นเหล่านี้จะได้รับ 2,000-3,000 โหวตต่อโพล ซึ่งช่วยให้ทราบถึงความเชื่อมั่นในกลุ่มนักลงทุนคริปโต แม้เราจะไม่เน้นหนักกับผลลัพธ์เหล่านี้มากนัก แต่ก็มีประโยชน์อย่างยิ่งในช่วงเริ่มต้นของการวิจัยของเรา คุณสามารถดูผลลัพธ์ล่าสุดบางส่วนได้ที่นี่
สัดส่วนการครองตลาด (10%)
สัดส่วนการครองตลาดของเหรียญแสดงถึงส่วนแบ่งมูลค่าตามราคาตลาดภายในทั้งตลาดคริปโต สำหรับ Bitcoin หากมีสัดส่วนการครองตลาดเพิ่มขึ้น ก็มักสะท้อนให้เห็นถึงความกลัวของตลาด เนื่องจากนักลงทุนลดการลงทุนใน Altcoin ที่เก็งกำไรลงและหันเข้ามาสู่ Bitcoin ที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ในทางกลับกัน เมื่อสัดส่วนการครองตลาดของ Bitcoin ลดลง ก็แสดงให้เห็นถึงความโลภที่เพิ่มมากขึ้น โดยนักลงทุนหันไปหา Altcoin ที่มีความเสี่ยงมากกว่า โดยหวังที่จะทำกำไรจาก Bull Run ครั้งใหญ่ครั้งถัดไป อย่างไรก็ตาม เมื่อวิเคราะห์สัดส่วนการครองตลาดของเหรียญอื่นนอกเหนือจาก Bitcoin การตีความก็อาจแตกต่างออกไปได้ ความสนใจที่เพิ่มขึ้นใน Altcoin อาจบ่งชี้ถึงพฤติกรรม Bullish หรือการมีความโลภที่เฉพาะเจาะจงของเหรียญนั้นๆ
เทรนด์ (10%)
เราวิเคราะห์ข้อมูล Google Trends เพื่อดูคำค้นหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin โดยมุ่งเน้นที่การเปลี่ยนแปลงในปริมาณการค้นหาและการค้นหาเทรนด์ที่แนะนำอื่นๆ เช่น การค้นหา “Bitcoin” บน Google Trends อาจไม่ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกมากนักจากปริมาณการค้นหาโดยรวม อย่างไรก็ตามในวันที่ 29 พฤษภาคม 2018 มีการค้นหาคำว่า “การปั่นราคา Bitcoin” เพิ่มขึ้นถึง 1,550% จากคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนของความกลัวในตลาดซึ่งเราได้นำมาพิจารณาในดัชนีของเรา

ดัชนีความกลัวและความโลภของคริปโตคำนวณอย่างไรและควรนำไปใช้อย่างไร

ตลาดคริปโตขับเคลื่อนด้วยอารมณ์เป็นอย่างมาก เมื่อตลาดปรับตัวสูงขึ้น ผู้คนก็มักจะโลภมาก จนเกิดอาการ FOMO (กลัวตกรถ) ในทางกลับกัน เมื่อตลาดตกต่ำลง ก็อาจทำให้เกิดการขายอย่างไม่สมเหตุสมผลเมื่อเห็น “เลขแดง” ดัชนีความกลัวและความโลภมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปฏิกิริยาทางอารมณ์ที่มากเกินไปเหล่านี้
มีสมมติฐานง่ายๆ อยู่ 2 ประการ:
ความกลัวสุดขีดอาจบ่งบอกว่านักลงทุนกังวลมากเกินไป ซึ่งอาจเป็นโอกาสในการซื้อได้
ความโลภที่มากเกินไปมักส่งสัญญาณว่าตลาดกำลังจะมีการปรับฐานในเร็วๆ นี้
ผู้สร้างได้วิเคราะห์ความเชื่อมั่นของตลาด Bitcoin ในอดีตและสรุปข้อมูลออกมาเป็นระดับตั้งแต่ 0-100
0-25: กลัวสุดขีด
25-45: กลัว
45-55: เป็นกลาง
55-75: โลภ
75-100: โลภสุดขีด
โปรดทราบว่าอินดิเคเตอร์นี้ขาดตัวอย่างในอดีตที่เพียงพอที่จะตรวจสอบยืนยันความมีประสิทธิภาพได้อย่างสมบูรณ์ โปรดใช้อย่างระมัดระวังในขณะที่คุณพัฒนากลยุทธ์การลงทุนของคุณเอง

คำถามที่พบบ่อย

ดัชนีความกลัวและความโลภคืออะไร

ดัชนีความกลัวและความโลภเป็นเครื่องมือที่วัดความเชื่อมั่นของตลาดโดยประเมินระดับความกลัวและความโลภในตลาด โดยเฉพาะในตลาดการเงิน เช่น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือคริปโทเคอร์เรนซี ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจได้ว่าสภาวะตลาดนั้นมีมุมมองแง่บวกเกินไป (ความโลภ) หรือมีมุมมองแง่ลบเกินไป (ความกลัว) หรือไม่ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการเคลื่อนไหวของราคาที่อาจเกิดขึ้นได้
โดยทั่วไป:
ความกลัวสะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของตลาด ความตื่นตระหนก หรือมุมมองในแง่ลบ ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับราคาที่ปรับตัวต่ำลง
ความโลภสะท้อนว่าตลาดมีมุมมองในแง่บวกหรือกล้าเสี่ยงมากเกินไป ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น
โดยทั่วไปดัชนีจะคำนวณอินดิเคเตอร์ต่างๆ เช่น ความผันผวนของตลาด โมเมนตัม เทรนด์บนโซเชียลมีเดีย แบบสำรวจ และคะแนนความเชื่อมั่นโดยรวม

ค่าสูงสุดและต่ำสุดของดัชนีความกลัวและความโลภคือเท่าไร

ดัชนีความกลัวและความโลภโดยทั่วไปจะแสดงในระดับ 0-100:
ค่ายิ่งใกล้ 0 ยิ่งสะท้อนถึงความกลัวสุดขีด แสดงถึงมุมมองในแง่ลบของนักลงทุน และบ่งบอกถึงโอกาสในการซื้อที่อาจเกิดขึ้น
ค่ายิ่งใกล้ 100 ยิ่งสะท้อนถึงความโลภสุดขีด แสดงถึงมุมมองในแง่บวกของนักลงทุน และบ่งชี้ว่าตลาดมีความร้อนแรงเกินไปหรืออาจเกิดฟองสบู่ได้
แม้ระดับจะจำกัดเพดานไว้ที่ 100 แต่ค่าที่สุดขีด (0 หรือ 100) ก็มักอยู่ได้ไม่นาน ซึ่งมักเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนทิศในตลาดที่กำลังจะเกิดขึ้น

ดัชนีความกลัวและความโลภคริปโตคืออะไร

ดัชนีความกลัวและความโลภคริปโตเป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อประเมินความเชื่อมั่นภายในตลาดคริปโต โดยประเมินปัจจัยต่างๆ เช่น:
ความผันผวนของราคา: ระดับการเหวี่ยงตัวของราคาในตลาดคริปโต
ปริมาณตลาด: การเปลี่ยนแปลงในปริมาณการเทรดที่สามารถสะท้อนถึงการเปลี่ยนทิศของความเชื่อมั่นได้
กิจกรรมบนโซเชียลมีเดีย: ตัวชี้วัดต่างๆ เช่น ทวีต โพสต์ในฟอรัม และการวิเคราะห์ความเชื่อมั่น
สัดส่วนการครองตลาด: สัดส่วนการครองตลาดของ Bitcoin ซึ่งมักกำหนดทิศทางให้กับคริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆ
สิ่งที่คล้ายคลึงกับตลาดแบบดั้งเดิมคือดัชนีความกลัวและความโลภนั้นช่วยให้นักลงทุนหาจุดที่สุดขีดของความเชื่อมั่นได้ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของโอกาสในการซื้อหรือขายที่อาจเกิดขึ้นได้

วิธีใช้ดัชนีความกลัวและความโลภ

ดัชนีความกลัวและความโลภสามารถเป็นเครื่องมือสวนตลาดที่มีประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุนได้ วิธีการใช้งานมีดังนี้:
เมื่อดัชนีแสดงความกลัวสุดขีด (0-25):
โอกาสซื้อที่มีศักยภาพ: ความกลัวสุดขีดอาจบ่งบอกว่านักลงทุนมีมุมมองในแง่ลบมากเกินไป และตลาดอาจตอบสนองมากเกินไปต่อปัจจัยในระยะสั้น ในอดีต ช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นโอกาสในการซื้อ เนื่องจากราคาอาจถูกประเมินค่าต่ำเกินไปจากการที่มีความตื่นตระหนกอย่างกว้างขวาง
ความเสี่ยง: แม้ว่านี่อาจเป็นเวลาที่ดีที่จะซื้อ แต่ความกลัวสุดขีดไม่ได้หมายความว่าราคาจะดีดตัวกลับทันทีเสมอไป ต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วยเสมอและหาข้อมูลประกอบเพิ่มเติมก่อนที่จะเข้าสู่ตลาด
เมื่อดัชนีแสดงความโลภสุดขีด (75-100):
โอกาสขายที่อาจเกิดขึ้น: ความโลภที่มากเกินไปอาจบ่งบอกว่าตลาดกำลังร้อนแรงเกินไป และราคาอาจพุ่งสูงเนื่องจากมีความเชื่อมั่นในแง่บวกเกินไป นี่อาจบ่งบอกว่ามีแนวโน้มที่จะเกิดการปรับฐานหรือพักตัว และอาจเป็นช่วงเวลาที่ดีในการทำกำไรหรือลดความเสี่ยง
ความเสี่ยง: เพียงเพราะมีความโลภที่สูง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตลาดจะปรับตัวลงทันที บางครั้งการมีมุมมองแง่บวกมากเกินไปก็อาจอยู่ได้ยาวนานกว่าที่คาดไว้ สิ่งสำคัญคือการสร้างสมดุลระหว่างความกลัวและความโลภกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ
เมื่อดัชนีอยู่ในโซนกลาง (26-74):
ตลาดมีแนวโน้มที่จะอยู่ในภาวะสมดุล โดยไม่มีความกลัวหรือความโลภที่มากเกินไป นี่อาจเป็นช่วงที่มีความผันผวนต่ำ และนักลงทุนอาจโฟกัสไปที่เทรนด์ ปัจจัยพื้นฐาน และอินดิเคเตอร์ทางเทคนิคอื่นๆ

สรุปประเด็นสำคัญในการใช้ดัชนี:

ดัชนีความกลัวและความโลภทำหน้าที่เป็นอินดิเคเตอร์แบบสวนทางตลาด ความกลัวสุดขีดอาจเป็นสัญญาณของโอกาสในการซื้อ ในขณะที่ความโลภสุดขีดอาจเป็นสัญญาณของโอกาสในการขาย
ไม่ใช่เครื่องมือที่ใช้แบบเดี่ยวๆ: แม้ว่าจะมีประโยชน์ แต่ก็ไม่ควรใช้ดัชนีความกลัวและความโลภเพียงตัวเดียว สิ่งสำคัญคือต้องดูเครื่องมือวิเคราะห์ตัวอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค เทรนด์ตลาด และปัจจัยด้านเศรษฐกิจมหภาค
พิจารณาช่วงเวลา: ดัชนีมักจะมีประโยชน์มากกว่าสำหรับนักลงทุนระยะสั้นหรือนักเทรดที่กำลังมองหาการเปลี่ยนทิศของความเชื่อมั่นของตลาด นักลงทุนระยะยาวอาจไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสัญญาณความกลัวและความโลภเพียงอย่างเดียว แต่ยังคงได้รับประโยชน์จากบริบทที่ดัชนีนี้ให้ได้
การใช้ดัชนีความกลัวและความโลภร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นๆ ช่วยให้นักลงทุนสามารถวัดความเชื่อมั่นของตลาดได้ดีขึ้นและตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลยิ่งขึ้น

ราคาเหรียญมาแรง

คู่มือวิธีการซื้อคริปโต