ที่เกี่ยวข้องกับเหรียญ
เครื่องคำนวณราคา
ประวัติราคา
การคาดการณ์ราคา
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
คู่มือการซื้อเหรียญ
หมวดหมู่คริปโต
เครื่องคำนวณกำไร
ที่เกี่ยวข้องกับการเทรด
ซื้อ/ขาย
การฝาก/การถอน
Spot
Margin
USDT-M Futures
Coin-M Futures
บอทเทรด
Copy Trading
Earn
Pre-Market
Artificial Superintelligence Alliance (FET) คืออะไร
ข้อมูลพื้นฐาน Artificial Superintelligence Alliance
Fetch.ai คืออะไร
Fetch.ai เป็นระบบนิเวศบล็อกเชนที่ใช้งาน AI และระบบอัตโนมัติเพื่อให้บริการเครื่องมือสำหรับซอฟต์แวร์แบบโอเพนซอร์ส และเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ โดย Fetch.ai ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2019 ผ่านการทำ Initial Exchange Offering (IEO) บน Binance โปรเจกต์ดังกล่าวมีพันธกิจที่จะทำให้การเข้าถึงเทคโนโลยี AI มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ด้วยการเสริมสร้างเครือข่ายที่เปิดกว้างและไม่ต้องอาศัยการอนุญาต (Permissionless) โปรเจกต์ดังกล่าวทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลและดำเนินการต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยผ่านตัวแทนที่เป็น AI อัตโนมัติ ซึ่งเป็นการปฏิวัติเซกเตอร์ต่างๆ เช่น Decentralized Finance (DeFi), การดูแลสุขภาพ และการขนส่งทีเดียว
Fetch.ai มีวิสัยทัศน์ที่จะสร้างโลกซึ่งระบบต่างๆ ที่มีฐานอยู่บน AI นั้นมีความกระจายศูนย์ โดยเป็นการทลายอุปสรรคสำหรับการได้มาซึ่งข้อมูลที่อยู่ภายใต้การผูกขาดโดยผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด ทั้งนี้ หัวใจของเครือข่ายนี้คือการใช้ตัวแทนทางเศรษฐกิจอัตโนมัติ (Autonomous Economic Agent: AEA) ผู้ดำเนินการดิจิทัลที่มีความสามารถในการดำเนินธุรกรรมได้โดยอัตโนมัติ ทั้งในฐานะของตนเอง หรือเป็นตัวแทนอุปกรณ์ หรือบริการที่ดำเนินการให้ได้ ซึ่งตัวแทนเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญในการทำการตัดสินใจในเชิงรุก โดยใช้งาน AI เพื่อเข้าทำกระบวนการตัดสินใจทั้งเพื่อตัวเองและในฐานะของผู้ใช้ Fetch.ai ด้วย ซึ่งรวมถึงบุคคลทั่วไป บริษัท และหน่วยงานรัฐด้วยเช่นกัน อนึ่ง ขอบเขตของงานที่ตัวแทนเหล่านี้สามารถกระทำได้นั้นมีได้ตั้งแต่การปรับปรุงประสิทธิภาพให้การจัดการเดินทาง ไปจนถึงการพัฒนาโมเดลพยากรณ์อากาศและการปรับปรุงประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทานทีเดียว
แหล่งข้อมูล
เว็บไซต์ทางการ: https: //fetch.ai/
Fetch.ai ทำงานอย่างไร
สถาปัตยกรรมของ Fetch.ai
Fetch.ai ดำเนินการบนโครงสร้างแบบ Multi-Layered ที่เชื่อมต่อ AI และเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้าด้วยกันได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด โดยในชั้นแรกจะประกอบด้วย AEA ต่างๆ ซึ่งดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่มีการหมุนเวียนข้อมูลเกี่ยวกับความไว้วางใจและชื่อเสียงต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงด้านการทำธุรกรรมให้น้อยที่สุด ในชั้นที่ 2 กรอบเศรษฐกิจแบบเปิด (Open Economic Framework: OEF) ทำหน้าที่เป็นสภาพแวดล้อมเสมือนแบบกระจายศูนย์ซึ่งรองรับ API สำหรับ AEA โดยเป็นการอำนวยความสะดวกให้การสื่อสารและการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างตัวแทนต่างๆ ในชั้นที่ 3 คือ Fetch Smart Ledger นั้นจะคอยประกันความถูกต้องสมบูรณ์ของระบบด้วยการจัดการข้อมูลในตลาด ซึ่งตัวแทนจะสามารถเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการเสริมสร้างระบบธุรกรรมแบบกระจายศูนย์นั่นเอง
ความสามารถในการขยายการรองรับและประสิทธิภาพ
เพื่อรองรับฐานผู้ใช้และปริมาณธุรกรรมที่ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ Fetch.ai ได้มีการใช้กลไกต่างๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการขยายการรองรับและประสิทธิภาพด้วย โดยมี Ledger อัจฉริยะที่ออกแบบมาเพื่อรองรับธุรกรรมนับล้านๆ รายการต่อวินาที สามารถปรับโครงสร้างตนเองให้เชื่อมต่อ OEF เข้ากับตัวแทนของ Fetch ได้ ซึ่งความสามารถในการขยายการรองรับเช่นนี้มีขึ้นได้ก็ด้วยการผสมผสาน Chain สำหรับธุรกรรมเข้ากับฟีเจอร์ของ Directed Acyclic Graph (DAG) เป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบตามจำนวนเลนทรัพยากรที่ใช้ได้ อันเป็นการอำนวยความสะดวกให้การส่งรับข้อมูลทำได้อย่างรวดเร็วขึ้นและมีค่าใช้จ่ายถูกลง
โทเค็น FET คืออะไร
โทเค็น FET เป็น Utility Token และเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนบนแพลตฟอร์ม โทเค็นดังกล่าวใช้อำนวยความสะดวกในการชำระค่าธรรมเนียมธุรกรรมบนเครือข่าย, การ Deploy AI และการชำระค่าบริการ โดยผู้ใช้ยังสามารถ Stake โทเค็น FET เพื่อเข้าร่วมการรักษาความปลอดภัยให้เครือข่ายผ่านกลไกฉันทามติแบบ Proof of Stake ได้อีกด้วย และจะได้รับรางวัลตอบแทนในการเข้าไปมีส่วนร่วมกับ Validator Node
ผู้ถือโทเค็น FET มีโอกาสที่จะ Stake โทเค็นของตน โดยเป็นการเข้าไปมีส่วนร่วมรักษาความปลอดภัยให้ระบบนิเวศ และจะได้รับรางวัลตอบแทนกลับมา ทั้งนี้ โทเค็น FET ในระยะแรกนั้นได้ออกเป็นโทเค็น ERC-20 บนเครือข่าย Ethereum แล้วจึงได้เปลี่ยนผ่านมาอยู่บน Mainnet ของ Fetch.ai โดยเป็นการเสนอความสามารถในการขยายการรองรับและความสามารถในการรับบริการจาก Fetch.ai ด้วยค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่ต่ำลงแก่ผู้ใช้ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมประโยชน์ใช้สอยและการมอบคุณค่าของเครือข่ายได้
ผลกระทบของ Fetch.ai ในด้านการเงิน
Decentralized Finance (DeFi)
Fetch.ai ถือเป็นเสาหลักของสำหรับอนาคตของมาร์เก็ตเพลสสำหรับข้อมูลดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ โดยมุ่งจะเข้ามาแทนที่ระบบรวมศูนย์ ด้วยการใช้ตัวแทนที่เป็นซอฟต์แวร์อัตโนมัติซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI ตัวแทนเหล่านี้จะช่วยยกระดับการใช้งานข้อมูลที่ผู้ใช้สร้างขึ้น (User-Generated Data) ให้มีความคล่องตัวมากขึ้น เสริมสร้างความร่วมมือกันระหว่างบุคคลต่างๆ ภายในสภาวะเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรซึ่งกำลังถือกำเนิดขึ้น และปรับปรุงประสิทธิภาพบริการการเทรดบน DeFi ให้ดีขึ้นนั่นเอง
การใช้งานในโลกความจริง
นอกเหนือจากเซกเตอร์การเงินแล้ว ระบบ Multi-Agent ของ Fetch.ai มีการนำไปใช้ได้ในหลายเซกเตอร์ทีเดียว รวมถึงเซกเตอร์การดูแลสุขภาพ ซึ่งโปรเจกต์ดังกล่าวสามารถช่วยในการตรวจจับโรคเช่น COVID-19 ได้ด้วยความแม่นยำสูง และในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งโปรเจกต์จะเข้ามาอำนวยความสะดวกการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยตลอดห่วงโซ่มูลค่า ด้วยการกระจายศูนย์ของการเข้าถึงข้อมูลนั้น Fetch.ai ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่สภาวะผูกขาดด้านข้อมูลในปัจจุบัน และเป็นการปูทางให้ยุคสมัยใหม่แห่งอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลต่อไป
สิ่งที่เป็นตัวกำหนดราคา Fetch.ai มีอะไรบ้าง
ในวงการคริปโทเคอร์เรนซีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Fetch.ai ได้ถือกำเนิดขึ้นโดยเป็นผู้เล่นที่สำคัญ ผสมผสานปัญญาประดิษฐ์เข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อบุกเบิกเศรษฐกิจดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ การวิเคราะห์ทิศทางราคาของ Fetch.ai ตั้งแต่การเปิดตัวที่โดดเด่นบน Binance Launchpad ในเดือนกุมภาพันธ์ 2019 ได้แสดงให้เห็นการเติบโตอย่างคงที่ โดยมีมูลค่าตามราคาตลาดพุ่งขึ้นอย่างน่าประทับใจถึง 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนกันยายน 2021 ทั้งนี้ นักลงทุนที่คอยติดตามเทรนด์การลงทุนของ Fetch.ai ควรทราบเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน 3 ชั้นที่เป็นนวัตกรรมของโปรเจกต์ดังกล่าวด้วย โดยประกอบด้วย AEA, OEF และ Ledger อัจฉริยะ ซึ่งจะช่วยดำเนินการธุรกรรมอัตโนมัติที่มีความเร็วสูง ภายในเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรซึ่งกำลังเติบโตมากขึ้น ในขณะที่ Fetch.ai ยังคงมีการจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับเซกเตอร์ต่างๆ หลากหลาย เช่น เซกเตอร์การดูแลสุขภาพ และ DeFi ต่อไป การคาดการณ์ก็ชี้ให้เห็นว่าอาจมีเทรนด์ในทาง Bullish ได้ โดยโปรเจกต์ดังกล่าวอาจเข้ามาปฏิวัติวงการเครือข่ายบล็อกเชนและมุ่งสู่ความสำเร็จในระดับใหม่ๆ ได้ภายในปี 2030 ทีเดียว เรียกได้ว่าผู้เล่นคริปโตที่มีการเคลื่อนไหวอยู่เสมอรายนี้น่าจับตามองพอสมควร โดยนอกจากโปรเจกต์ดังกล่าวจะมีให้บริการอยู่บนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนชั้นนำเช่น Bitget แล้ว ยังมีโอกาสที่จะเปิดเส้นทางใหม่ไม่ซ้ำใครในการเดินทางสายคริปโตไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ของโลกได้อีกด้วย
บทสรุป
ภายในห้วงการผสมสานของวงการเครือข่ายบล็อกเชนและปัญญาประดิษฐ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอนั้น Fetch.ai ถือกำเนิดขึ้นเป็นพลังในการบุกเบิกความก้าวหน้า ที่มุ่งจะทำให้เทคโนโลยี AI เข้าถึงได้มากขึ้นผ่านแพลตฟอร์มโอเพนซอร์สแบบกระจายศูนย์ของตน นับแต่ที่ก่อตั้งในปี 2017 และการเปิดตัวที่โดดเด่นบน Binance Launchpad ในปี 2019 โปรเจกต์ดังกล่าวก็ได้ขยายฐานการบริการให้กว้างขึ้นเรื่อยๆ โดยก้าวเข้าไปให้บริการในเซกเตอร์ต่างๆ เช่น Decentralized Finance (DeFi), การดูแลสุขภาพ และการขนส่ง เป็นต้น ด้วยการใช้ตัวแทนทางเศรษฐกิจอัตโนมัติ (Autonomous Economic Agent: AEA) นั้น Fetch.ai ทำการอำนวยความสะดวกให้การส่งรับข้อมูลที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักร ที่ซึ่งตัวแทนอัตโนมัติสามารถทำหน้าที่ต่างๆ ได้หลากหลาย ตั้งแต่การปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการเทรด DeFi ไปจนถึงการปรับปรุงระบบการดูแลสุขภาพให้ดีขึ้นได้ ด้วยสถาปัตยกรรมที่ขยายการรองรับได้และโทเค็น FET ที่มีประโยชน์ใช้สอยหลากหลาย Fetch.ai ไม่เพียงแต่เข้ามาทลายการผูกขาดด้านข้อมูลเท่านั้น แต่ยังเปิดทางที่เป็นการปฏิวัติให้วงการคริปโทเคอร์เรนซีอีกด้วย โดยมีโอกาสที่จะขับเคลื่อนเครือข่ายบล็อกเชนให้เข้าสู่ยุคสมัยใหม่ที่มีลักษณะเด่นคือความเป็นอิสระ ประสิทธิภาพ และการกระจายศูนย์นั่นเอง ในขณะที่ Fetch.ai ยังมีทิศทางขาขึ้นอยู่นี้ โปรเจกต์ดังกล่าวถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของวงการคริปโตที่กำลังขยายตัวขึ้น โดยมุ่งจะมอบโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและโอกาสในการลงทุนที่แข็งแกร่งทีเดียว
อุปทานและเศรษฐศาสตร์ของโทเค็น FET
ลิงก์
โอกาสในการพัฒนาและมูลค่าในอนาคตของ FET เป็นเช่นไร
มูลค่าตลาดของ FET ปัจจุบันอยู่ที่ $3.28B และอันดับในตลาดอยู่ที่ #42 มูลค่าของ FET ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากตลาด เมื่อตลาดกระทิงมาถึง มูลค่าตลาดของ FET ก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ยิ่งไปกว่านั้น หาก FET สามารถมีบทบาทมากขึ้นได้ในแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้จริง เช่น Artificial Superintelligence Alliance Builder ใช้ประโยชน์จากศักยภาพของ FET ได้อย่างเต็มที่ จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับธุรกิจมากขึ้น และเพิ่มฐานผู้ใช้ มูลค่าในระยะยาวของ FET ก็จะยกระดับขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ